21 กุมภาพันธ์, 2564

เครื่องกะเทาะข้าวเปลือก

เครื่องกะเทาะข้าวเปลือก: การควบคุม และการปรับแต่ง

-เครื่องกะเทาะทำหน้าที่อะไร
 เครื่องกะเทาะข้าวเปลือกทำหน้าที่กะเทาะข้าวเปลือก (กำปั้นทุบดิน) อย่าให้ไปกะเทาะอย่างอื่น ดังนั้น ข้าวเปลือกต้องสะอาด ไม่มีข้าวลีบ สิ่งเจือปนอื่น โดยเฉพาะฟางท่อน ถ้าข้าวเปลือกไม่สะอาดจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องกะเทาะไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งยังทำให้กำลังผลิตตก เปลืองลูกยาง เปลืองค่าไฟฟ้าอีกด้วย

-อะไรคือเป้าหมายของการกะเทาะข้าวเปลือก
 พนักงานกะเทาะต้องเข้าใจเป้าหมายของการกะเทาะ เพื่อให้สามารถควบคุมและปรับแต่งเครื่องกะเทาะให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ ซึ่งหลักๆ มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. ต้องสามารถเลี้ยงตะแกรงโยกทัน ต้องเลี้ยงเครื่องขัดขาวทัน และ
2. เกิดการแตกหักน้อยที่สุด เกิดเมล็ดร้าวน้อยที่สุด ตามสภาพพื้นข้าว

-ทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ควรปฏิบัติดังนี้
1. เครื่องกะเทาะอยู่ในสภาพสมบูรณ์มีการบำรุงรักษาเหมาะสม
2. ข้าวเปลือกมีการตรวจวัดคุณภาพข้าวเปลือกก่อนเข้าสี อย่างน้อยที่สุดวันนี้ข้อมูลดังต่อไปนี้ พันธุ์ข้าว  สิ่งเจือปน ความชื้นข้าวเปลือก กรัมข้าวรวม กรัมข้าวขาว
3. อัตราการปล่อยข้าวที่สัมพันธ์กับประสิทธิภาพเครื่องกะเทาะ
4. อัตราการกะเทาะที่สัมพันธ์กับคุณภาพข้าวเปลือก

(ยังไม่จบครับ)

14 ธันวาคม, 2557

ข้าวตากลาน กับการลดค่าน้ำมัน

ข้าวตากลาน เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทุกโรงสีทำกัน ถึงแม้ว่าจะมีตู้อบ แต่ก็มีจากสาเหตุหลายประการที่ทำให้ต้องตากลาน

ที่จะพูดในตอนนี้คือ การลดค่าน้ำมันในการเก็บกวาดข้าวที่ตากไว้นั่นเอง แน่นอน อยากจะย้ำว่าหลายแห่งละเลย ไม่ให้ความสำคัญ ขาดการควบคุมและตรวจสอบ

ข้าพเจ้าขอสมมุติขึ้นมาละกันว่า ตากข้าวไว้บนลาน ข้าวถูกกระจายแผ่ออกเป็นพื้นที่ขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 40 เมตร บุ๋งกี้รถตักกว้าง 2.5 เมตร ผานเสริมกว้าง 4 เมตร ข้าวหนาประมาณ 10 ซม.

คำถามง่ายๆ คือ รถตักควรวิ่งกวาดข้าวกี่รอบ หรือกี่ครั้ง
คำถามถัดมาคือ รูปแบบการกวาดควรเป็นแบบใด กวาดไปกองไว้ตรงไหนถึงจะทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด

อย่างแรกที่ควรทำคือ รถตัก ต้องมีผานเสริมเพื่อให้กวาดได้กว้างขึ้น ลดจำนวนรอบลง ซึ่งคิดว่าทุกโรงสีมี และทำอยู่แล้วแต่บางครั้งก็ไม่ใส่เอาดื้อๆ พอถามก็บอก มันนิดเดียว ขี้เกียจ ก็ว่ากันไป

ถัดมา จำนวนรอบที่กวาด ไม่ควรมากกว่า หน้ากว้างของข้าวที่ตาก ในที่นี้ 30 หรือ 40 เมตร แล้วแต่จะเลือกกวาดด้านใด บวกด้วย 1 หรือ 2

สมมุติว่ากวาดด้าน 40 เมตรแล้วกัน หารง่ายหน่อย ได้ = 40/4 + 2 = 12 รอบ x 30 (ระยะทางที่รถวิ่ง) x 2 (ไปกลับ) = 720 เมตร
ถ้ากวาดอีกด้านละ จะได้ = 30/4 = 7.5 ประมาณ 8 รอบ + 2 = 10 รอบ x 40 (ระยะทางที่รถวิ่ง) x 2 (ไปกลับ) = 800 เมตร

จะเห็นว่าต่างกัน ไม่มากครับ ไม่มาก แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์เยอะนะ ตั้ง 10 % แล้วถ้าทำทุกวันละ

ทีนี้ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ รถตักจะใช้จำนวนรอบมากกว่านี้ เนื่องจากเก็บกวาดไม่หมดครับ (ไม่ใช่ไม่เกลี้ยงนะ คนละความหมาย) ล้นใบกวาดเลยต้องวนอีกรอบ ดูจากรูปคงเข้าใจ อันนี้เราต้องให้แนวคิดกับพนักงานขับรถครับ เพื่อเขาจะได้พัฒนาตนเองได้ เป็นการพัฒนางาน ยิ่งถ้าเรามีการจดบันทึกข้อมูลการใช้น้ำมัน ปริมาณข้าวที่ตาก ก็ยิ่งดี เราก็ได้ค่าน้ำมันต่อตันข้าวเปลือกออกมา ตัวนี้ใช้เป็น KPI พนักงานในส่วนนี้ได้เลย

เสริมอีกนิดยางรองควรตรวจสอบหน่อยนะครับ ถ้าหมดสภาพก็เปลี่ยนใหม่เสีย มอบหมายให้ใครสักคนที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ และตรวจสอบ ไม่งั้นข้าวป่นหมด ดูข้าวไก่ครับ ถ้าเยอะต้องหาสาเหตุและแก้ไข อันนี้ฝ่ายบริหารดูจากสถิติ และตัวเลขที่บันทึกไว้

ไว้มาเขียนต่อครับ ยังไม่จบ

07 ธันวาคม, 2557

เพลาราว และค่าไฟ

ในปัจจุบันยังมีโรงสีที่ใช้เพลาราวอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ที่ต้องเสียค่าไฟไปโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากไม่ปลดโหลดที่ไม่ใช้งานออก

จะยกตัวอย่างให้ฟัง มีโรงสีแห่งหนึ่งใช้เพลาราว แต่เดิมก็ใช้หม้อไอน้ำเป็นต้นกำลัง ภายหลังเปลี่ยนเป็นมอเตอร์ใหญ่แทน แล้วภาคข้าวกล้อง บางส่วนก็หันมาใช้มอเตอร์ขับตรงแทน ไม่ได้ใช้เพลาราว พูดง่ายๆ ว่า มีเพลาราวส่วนหนึ่งยาวประมาณ 20 เมตร ไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากปลดสายพานออกแล้ว แต่พูเลย์ยังอยู่ เมื่อโรงสีทำงาน ก็หมุนไปพร้อมเพื่อนเหมือนเดิม

เราก็เห็นว่า มันกินไฟนะ ทำไมไม่ปลดออกละ แค่ถอดมัดข้าวต้มออก ถอยเพลาหน่อยก็ได้แล้ว ใช้เวลาไม่นาน ก็จัดการบอกเสี่ย ว่าจะทำอย่างนี้นะ ขอคนช่วยหน่อย ก่อนทำก็วัดค่าพลังงานที่ใช้ เดินตัวเปล่า พอถอดออกแล้วก็วัดอีก เดินตัวเปล่าเหมือนกันสิ

ส่วนเพลาที่ปลดสายพานออก ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ยังหมุนไปพร้อมกัน
ถอดมัดข้าวต้มออก

ถอยเพลาออกจากกัน ไม่ต้องมากขนาดนี้ก็ได้


ผลที่ได้ออกมา ปรากฏว่า ก่อนหลังกินไฟต่างกัน 5 กิโลวัตต์ โอ้โห ถ้าเดินเครื่อง 1 ชั่วโมง ก็ 5 หน่วยนะ คิดหน่วยละ 3 บาท ก็ 15 บาทต่อชั่วโมงเชียวที่เสียไปฟรีๆ

แล้วคิดต่อไปอีก (คิดมากจัง) ว่าถ้าโรงสีแห่งนี้ทำงานวันละ 10 ชั่วโมง ก็ 150 บาทต่อวัน เขาทำมากี่วัน กี่เดือนแล้วเนี่ย ก่อนได้มาเจอกัน นี่ยังไม่ได้ถามการอัดจาระบี การหล่อลื่นเลยนะว่าทำบ่อยไหม

เฮ้อ... บอกแล้วว่าเสียดายแทน

06 ธันวาคม, 2557

กะพ้อ และรางข้าว สิ่งที่ละเลยในการติดตั้งและตรวจสอบ

"ทำไมสีได้ต้นน้อยจังเลยครับ" คำถามจากเจ้าของโรงสี
"ข้าวต้นกล้องมาเท่าไร" ข้าพเจ้าถามกลับบ้าง
"40 กว่าครับ น่าจะสีได้สัก 50"
"ไม่ใช่ นั่นกรัมข้าวขาว ข้าวต้นกล้อง คือ ข้าวต้นของข้าวกล้อง หลังจากผ่านตะแกรงโยกแล้วก่อนเข้าเครื่องขัดขาว หรือ หิน#1 น่ะ"
"อ๋อ ไม่ได้วัดครับ"
"เอามาวัดเลย... ชั่ง 100 กรัมนะ ได้เท่าไร... 80 แล้วเมล็ดร้าวข้าวกล้องละ มากกว่า 20 เหรอ ถ้ามาขนาดนี้ ก็สีได้ต้นประมาณนี้ละ ปรับแต่งได้อีกไม่เท่าไร ข้าวต้นกล้องมาน้อย ต้องดูหลายจุด"
"แต่ว่า... ผมเอาข้าวเปลือกมาวัด ได้ข้าวต้นตั้ง 128 นะครับ มันหายไปไหน"
พูเลย์กะพ้อบดข้าวทำให้การแตกหักเพิ่มขึ้น ต้นลดลงโดยไม่จำเป็น

แล้วข้าพเจ้าก็ร่ายยาว เรื่องที่ต้องตรวจสอบในแต่ละจุด ตอนนี้เอาเรื่องกะพ้อ และรางข้าวก่อนนะครับ ตามหัวข้อ ไม่งั้นยาวแน่

ขออธิบายนิดนะครับ โรงสีแห่งนี้ใช้การตรวจสอบด้วยการชั่งข้าวเปลือก 200 กรัม กะเทาะเครื่องเล็ก แล้วผ่านตะแกรงกลมเล็ก เบอร์ 6 เพื่อดูข้าวต้น ในที่นี้ 128 ก็แสดงว่าได้ต้น = 128/2 = 64 % นั่นเอง ส่วนการตรวจสอบในขั้นตอนการขัดขาว ใช้วิธีเดียวกัน แต่ชั่งข้าวแต่ละขัดเพียง 130 กรัม ค่าที่ได้หารด้วย 2 ก็เป็นเปอร์เซนต์ข้าวต้นของแต่ละขัด ส่วน 80% เมื่อคิดเป็นข้าวต้นได้ 52%

ข้าพเจ้าดูแล้ว ข้าวกล้องจากตะแกรงโยก ผ่านสายพานลำเลียง ลงกะพ้อไปถังพักข้าว ผ่านเครื่องแยก หิน ลงกะพ้อไปถังพักข้าวของขัด#1 ซึ่งกะพ้อต้นที่รับจากสายพานลำเลียงน่าจะเป็นปัญหา จากลักษณะฮอปเปอร์รับข้าว เลยเปิดดู ปรากฏว่า พูเลย์บดข้าวครับ เลยต้องตรวจสอบง่ายๆ คือเก็บต้วอย่างก่อนลงกะพ้อ และหลังกะพ้อ

"เป็นไงวัดได้รึยัง ก่อนเท่าไร หลังเท่าไร"
"ได้แล้วครับ ก่อน 107 หลัง 103 ครับ เยอะไหมครับ"
"โอ้โห ไม่เยอะได้ไง หายไป 4 ก็ 2% ข้าวต้นใช้ไหม การแตกหักจากกะพ้อ อนุโลมให้ได้ไม่เกิน 0.1% ต่อต้น เท่านั้นเอง ยิ่งน้อยยิ่งดี"

แล้วข้าพเจ้าก็อธิบายลักษณะการไหลของข้าวจากสายพานลำเลียงที่ไม่เหมาะสม ลักษณะฮอปเปอร์รับข้าว และตำแหน่งรางส่งข้าวเข้าลูกกะพ้อ พร้อมการแก้ไข

"แก้รางส่งข้าวก่อน ใช้แผ่นพลาสติกนะ (ข้าพเจ้าหมายถึง พีพีบอร์ด) จะได้ตัดแต่งง่าย พอได้ผลแล้วค่อยใช้แผ่นลื่นถาวร"
"ครับ ผมจัดการให้"

"เป็นไง แก้หรือยัง วัดได้เท่าไร" ข้าพเจ้าถามในวัดถัดมา
"เรียบร้อยครับ ก่อนได้ 108 หลังได้ 108 ครับ"
"โอเค ได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พอ เพราะเราไม่ได้วัดละเอียดถึงจุดทศนิยม ไม่แน่ว่าการแตกหักยังมากกว่าเกณฑ์ที่อาจารย์บอกก็ได้ ใช่ไหม"
"ครับ"
"งั้นเราไปดูที่กะพ้อกัน เห็นไหม มันน้อยลงก็จริง แต่ยังเยอะอยู่ เนื่องจากข้าวจากสายพาน มันมาเป็นระยะๆ ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ลูกกะพ้อรับไม่หมด ลูกถัดไปต้องไปตักจากตีนกะพ้อ แล้วอีกอย่างข้าวไหลแรงเกินไป กะฉอกหมด"

...ข้าพเจ้าหาวัสดุแถวนั้นไปรองรับข้าว ปรับให้ไหลช้าลง และสม่ำเสมอขึ้น แล้วให้ดูที่พูเลย์ที่บดข้าว
"เป็นไง"
"น้อยลงเยอะครับ ไม่ค่อยมีแล้ว"
"โอเค ได้แนวทางแล้วนะ ต่อไปมีเวลาก็ทำให้แน่นหนา ถาวรละ"
"ครับ"

นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังพบว่ารางข้าวจากเครื่องขัดขาวมาลงกะพ้อชัน ข้าวไหลแรง จนรู้สึกเจ็บมือ เลยต้องให้หาวัสดุนุ่มๆ มารองรับการกระแทก รางข้าวที่ยาว ชัน ข้าวไหลแรงกระแทกเหล็ก ซึ่งมีโอกาสทำให้การแตกหักเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
ข้าวไหลแรง กระแทกเหล็ก ทำให้แตกหักเพิ่มขึ้น

อีกจุดหนึ่งที่โรงสีส่วนใหญ่ละเลยคือ ฮอปเปอร์ของเครื่องยิงสี บางเครื่องไม่มีแผ่นบุรองรับ บางเครื่องมี แต่ชำรุดแล้ว ข้าวชนเหล็กเหมือนเดิม ผลคือ ได้เต้ยแถมมาหลังผ่านเครื่องยิงสี ถ้าอย่างนี้ต้องตรวจสอบแล้วนะ และควรทำเป็นประจำ กำหนดเวลาตรวจสอบทุกกี่เดือนก็ว่าไปตามเหมาะสมนะครับ

ไว้เจอกันคราวหน้าจะหาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยมาฝากอีก ลาละ บ้าย บาย...


17 สิงหาคม, 2555

ลูกยางกะเทาะข้าวเปลือก หัวใจของเครื่องกะเทาะ

ลูกยางกะเทาะข้าวเปลือก (บางพื้นที่เรียกหินยาง มีที่มาจากหินข้าวดำซึ่งใช้กะเทาะข้าวเปลือก เมื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องกะเทาะซึ่งใช้ลูกยางในการกะเทาะ จึงเรียกว่าหินยาง) หัวใจสำคัญของการกะเทาะ สำคัญอย่างไร แล้วถ้าสำคัญอย่างนี้ จะดูแลอย่างไร

ก่อนอื่น เรามาดูลักษณะที่เหมาะสมกับการกะเทาะก่อน

1. ความแข็งของลูกยาง ต้องเหมาะสม (อีกแล้ว) ดังนี้
    ข้าวขาว 84-88 ชอร์
    ข้าวนึ่ง  90-94 ชอร์
นั่นเป็นขั้นตอนการตรวจรับลูกยาง ซึ่งนอกจากการวัดความแข็งของลูกยางแล้ว สิ่งที่ไม่ควรละเลยในการตรวจรับคือ ความสูงของลูกยางต้องเท่ากัน และหน้าแปลนต้องมีความหนาเท่ากัน (หน้าตาคล้ายกัน) ทำไมนะหรือ ป้องกันไม่ให้ยางเป็นปีก เป็นขอไงครับ เพราะจะทำให้เกิดการแตกหักเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องต้องดูแลเกี่ยวกับลูกยาง เมื่อใช้ลูกยางกะเทาะข้าวเปลือกดังนี้
 
ผิวเรียบ ไม่ขรุขระ ไม่เป็นรอยไหม้
ไม่เป็นปีก ขอ ()
ไม่เป็นคลื่น ร่อง ลาย
เส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากัน หรือใกล้เคียงกัน
เมื่อพบลูกยางมีลักษณะดังกล่าวต้องแก้ไข หรือเปลี่ยนออกทันที เพื่อไม่ให้เกิดการแตกหักเพิ่มขึ้น สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นครับ




สวช.

09 พฤษภาคม, 2555

เทคนิคการควบคุมและปรับแต่งเคื่องกะเทาะข้าวเปลือก (1)

วันนี้ ผมได้เข้าให้คำปรึกษาที่โรงสีแห่งหนึ่งในนครสวรรค์ แน่นอนงานของผมคือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในโรงสี ซึ่งโดยปกติแล้ว ครั้งแรกที่เข้าโรงสีที่ยังไม่เคยเข้าไป สิ่งที่ต้องทำคือ ตรวจวัดประสิทธิภาพการสี และตรวจสภาพปัจจุบันของเครื่องในโรงสี

สิ่งที่พบเห็นไม่เพียงแต่ในโรงสีนี้ แต่แทบทุกโรงสีที่เข้า จะพบสิ่งที่เหมือนกัน และเป็นปัญหาที่ถูกละเลย นั่นคือ การควบคุมและปรับแต่งเครื่องกะเทาะ ช่างน่าเสียดายจริงๆ เพราะการกะเทาะเป็นหัวขบวนการผลิตในโรงสี ถ้าเริ่มไม่ดี ต่อให้เราระวังการขัดขาว ขัดมันดีแค่ไหนก็ได้เพียงระดับหนึ่ง เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว จะขอยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าสมมุติว่าโรงสีของเรามีการแตกหักทุกขั้นตอน ตั้งแต่กะเทาะ ขัดขาว ขัดมัน จนถึงคัดแยกด้วยตะแกรงกลม เกิดการแตกหักรวมแล้ว 50% นั่นหมายความว่าเราเหลือข้าวเต็มเมล็ดที่ท้ายกระบวนการผลิต 50% (แล้วจะได้ข้าวต้นเท่าไรค่อยมาว่ากันทีหลัง) ที่นี้สมมุติว่า เราลดการแตกหักที่เครื่องกะเทาะได้ 4% นั่นก็คือเรามีข้าวเต็มเมล็ดเข้าไปในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น 4% ถ้าเราไม่ได้ปรับแต่งเครื่องจักรเลย นั่นก็คือ เกิดการแตกหัก 50% ตามการผลิตเดิม ดังนั้น 4% ที่เข้าไป แตกหักครึ่งหนึ่ง 2% เพราะฉนั้น ที่ท้ายกระบวนการผลิต เราจะมีข้าวเต็มเมล็ดเพิ่มขึ้น 2% (เช่นเดิมๆ แล้วจะได้ข้าวต้นเพิ่มเท่าไรค่อยมาว่ากันทีหลัง) เห็นไหมครับว่าถ้าเราเอาใจใส่ในขั้นตอนนี้อย่างจริงจัง เราจะได้ข้าวต้นเพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เพียงแต่ต้องปรับวิธีปฏิบัติงานให้ได้มาตรฐานเท่านั้น แน่นอน เถ้าแก่ต้องเหนืื่อยเพิ่มอีกหน่อย พนง.ก็เช่นกัน ผมไม่มีเวลาครับ บางท่านแย้งมา ลูกน้องไม่ค่อยทำหรอก อีกท่านบอก ก็มีสาระพัดเหตุผลละครับที่แย้งมา เพราะมันทำให้การทำงานยุ่งยากขึ้น และเกี่ยวกับพนักงานที่จะให้ความร่วมมือหรือไม่ แต่เราต้องทำครับ ต้องทำให้เกิดให้ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับเราโดยตรง เพราะหัว (ราคาข้าวเปลือก) ท้าย (ราคาขาย) ถูกควบคุมไว้แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือประสิทธิภาพในโรงสี นั่นคือ เพิ่ม %ข้าวต้น ลดการสูญเสีย ลดค่าใช้จ่ายในโรงสี ลดค่่าใช้จ่ายไม่ใช่ลดค่าแรงอย่างเดียวนะครับ ลดค่าใช้จ่ายในที่นี้หมายถึง ลดค่าใช้จ่ายต่อหน่วยลง นั่นคือ ลดค่าไฟ โดยการทำให้สีได้มากขึ้น เสียค่าไฟเท่าเดิม ใช้คนเท่าเดิม (ลดค่าแรงต่อหน่วยลงแล้วละ) แล้วอะไรอีกละ ค่าลูกยางกะเทาะไง ลูกยางคู่หนึ่งเรากะเทาะข้าวเปลือกได้เท่าไร น้อยเกินไปหรือไม่ ค่ายางขัดขาวละเป็นอย่างไร (เฉพาะโรงสีที่ใช้หินโคนนะครับ) ใช้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ กินเฉียงหรือเปล่า และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่มีในโรงสี เอาหลักๆ ก่อนนะครับ คิดเป็นต่อหน่วยข้าวเปลือก (ตัน) ออกมา เปรียบเทียบในแต่ละเดือน เพิ่มลดอย่างไร (พอก่อน ชักจะไม่ใช่เครื่องกะเทาะแล้ว)

แรงจูงใจครับแรงจูงใจ นั่นคือสิ่งที่จะบอก อย่าลืมว่า ถ้าเอาใจใส่ และทำตามได้ เราจะมีส่วนเพิ่ม ส่วนเพิ่มนี้ละ เราต้องตีเป็นตัวเงินให้ได้ แล้วเราจะปันส่วนนี้ให้พนักงานอย่างไร เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เขาเอาใจใส่เพิ่มขึ้น ระมัดระวังเพิ่มขึ้น งานสำเร็จ คนสำราญ พนักงานเบิกบานใจครับ ต่างคนต่างได้ นี่คือการสูญเสียที่เรามองไม่เห็นและละเลยมานาน

เอาละ แล้วการควบคุมเครื่องกะเทาะทำอย่างไร

นี่เกี่ยวข้องกับหลักการทำงานของเครื่องกะเทาะครับ ซึ่งเกี่ยวกับแรงที่กระทำต่อเมล็ดข้าวเปลือก 2 แรงคือ แรงเฉือนจากความแตกต่างของความเร็วของลูกยาง และแรงอัดจากแรงดันลม ซึ่งเราสามารถสรุปผลเพื่อให้สามารถนำไปใช้ปฏิบัติงานได้ง่ายคือ

1. ความโตของลูกยาง (เส้นผ่านศูนย์กลาง) ต้องเท่ากัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด หรือดูด้วยตาเปล่ามองไม่เห็นความแตกต่างของขนาดลูกยาง
2. ผิวลูกยางต้องเรียบ ไม่เป็นร่อง ไม่เป็นเป็นคลื่น ไม่เป็นขอ เป็นปีกหรือขอบ
3. ลูกยางต้องไม่แกว่ง
4. อัตราการกะเทาะเหมาะสมกับพื้นข้าวเปลือก
5. มีลมดูดเพื่อลดอุณหภูมิในห้องกะเทาะ
6. มาตรวัดแรงดันลมทุกตัวสมบูรณ์ใช้งานได้
7. ความแข็งลูกยางเหมาะสมกับข้าวเปลือกที่เข้ากะเทาะ
8. พักลูกยางเพื่อลดอุณหภูมิลูกยาง
9. อัตราการปล่อยข้าวสม่ำเสมอ เหมาะสมกับพื้นข้าว

สุดท้ายสิ่งที่เราได้คืออัตราการกะเทาะสูงสุดเท่าที่จะทำให้การแตกหักน้อยที่สุด แต่ต้องสามารถเลี้ยงตะแกรงโยก และเครื่องขัดขาวทัน ซึ่งก็คือเป้าหมายของการกะเทาะ

ส่วนหน้าที่ของเครื่องกะเทาะ คือกะเทาะข้าวเปลือกให้ได้ข้าวกล้อง อย่าให้ไปกะเทาะอย่างอื่น เช่น หิน กรวด ฟางท่อน เศษไม้ แกลบ ข้าวลีบ ฯลฯ ซึ่ีงนอกจากจะทำให้กำลังผลิตข้าวกล้องไม่เป็นไปตามที่ต้องการแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองลูกยางโดยใช่เหตุอีกด้วย

เอาละ ในส่วนเครื่องกะเทาะ เอาพอสังเขปเพียงเท่านี้ก่อน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมค่อยมาว่ากัน



สวช.

เครื่องกะเทาะข้าวเปลือก

เครื่องกะเทาะข้าวเปลือก: การควบคุม และการปรับแต่ง -เครื่องกะเทาะทำหน้าที่อะไร  เครื่องกะเทาะข้าวเปลือกทำหน้าที่กะเทาะข้าวเปลือก (กำปั้นทุ...