"ทำไมสีได้ต้นน้อยจังเลยครับ" คำถามจากเจ้าของโรงสี
"ข้าวต้นกล้องมาเท่าไร" ข้าพเจ้าถามกลับบ้าง
"40 กว่าครับ น่าจะสีได้สัก 50"
"ไม่ใช่ นั่นกรัมข้าวขาว ข้าวต้นกล้อง คือ ข้าวต้นของข้าวกล้อง หลังจากผ่านตะแกรงโยกแล้วก่อนเข้าเครื่องขัดขาว หรือ หิน#1 น่ะ"
"อ๋อ ไม่ได้วัดครับ"
"เอามาวัดเลย... ชั่ง 100 กรัมนะ ได้เท่าไร... 80 แล้วเมล็ดร้าวข้าวกล้องละ มากกว่า 20 เหรอ ถ้ามาขนาดนี้ ก็สีได้ต้นประมาณนี้ละ ปรับแต่งได้อีกไม่เท่าไร ข้าวต้นกล้องมาน้อย ต้องดูหลายจุด"
"แต่ว่า... ผมเอาข้าวเปลือกมาวัด ได้ข้าวต้นตั้ง 128 นะครับ มันหายไปไหน"
 |
พูเลย์กะพ้อบดข้าวทำให้การแตกหักเพิ่มขึ้น ต้นลดลงโดยไม่จำเป็น |
แล้วข้าพเจ้าก็ร่ายยาว เรื่องที่ต้องตรวจสอบในแต่ละจุด ตอนนี้เอาเรื่องกะพ้อ และรางข้าวก่อนนะครับ ตามหัวข้อ ไม่งั้นยาวแน่
ขออธิบายนิดนะครับ โรงสีแห่งนี้ใช้การตรวจสอบด้วยการชั่งข้าวเปลือก 200 กรัม กะเทาะเครื่องเล็ก แล้วผ่านตะแกรงกลมเล็ก เบอร์ 6 เพื่อดูข้าวต้น ในที่นี้ 128 ก็แสดงว่าได้ต้น = 128/2 = 64 % นั่นเอง ส่วนการตรวจสอบในขั้นตอนการขัดขาว ใช้วิธีเดียวกัน แต่ชั่งข้าวแต่ละขัดเพียง 130 กรัม ค่าที่ได้หารด้วย 2 ก็เป็นเปอร์เซนต์ข้าวต้นของแต่ละขัด ส่วน 80% เมื่อคิดเป็นข้าวต้นได้ 52%
ข้าพเจ้าดูแล้ว ข้าวกล้องจากตะแกรงโยก ผ่านสายพานลำเลียง ลงกะพ้อไปถังพักข้าว ผ่านเครื่องแยก หิน ลงกะพ้อไปถังพักข้าวของขัด#1 ซึ่งกะพ้อต้นที่รับจากสายพานลำเลียงน่าจะเป็นปัญหา จากลักษณะฮอปเปอร์รับข้าว เลยเปิดดู ปรากฏว่า พูเลย์บดข้าวครับ เลยต้องตรวจสอบง่ายๆ คือเก็บต้วอย่างก่อนลงกะพ้อ และหลังกะพ้อ
"เป็นไงวัดได้รึยัง ก่อนเท่าไร หลังเท่าไร"
"ได้แล้วครับ ก่อน 107 หลัง 103 ครับ เยอะไหมครับ"
"โอ้โห ไม่เยอะได้ไง หายไป 4 ก็ 2% ข้าวต้นใช้ไหม การแตกหักจากกะพ้อ อนุโลมให้ได้ไม่เกิน 0.1% ต่อต้น เท่านั้นเอง ยิ่งน้อยยิ่งดี"
แล้วข้าพเจ้าก็อธิบายลักษณะการไหลของข้าวจากสายพานลำเลียงที่ไม่เหมาะสม ลักษณะฮอปเปอร์รับข้าว และตำแหน่งรางส่งข้าวเข้าลูกกะพ้อ พร้อมการแก้ไข
"แก้รางส่งข้าวก่อน ใช้แผ่นพลาสติกนะ (ข้าพเจ้าหมายถึง พีพีบอร์ด) จะได้ตัดแต่งง่าย พอได้ผลแล้วค่อยใช้แผ่นลื่นถาวร"
"ครับ ผมจัดการให้"
"เป็นไง แก้หรือยัง วัดได้เท่าไร" ข้าพเจ้าถามในวัดถัดมา
"เรียบร้อยครับ ก่อนได้ 108 หลังได้ 108 ครับ"
"โอเค ได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่พอ เพราะเราไม่ได้วัดละเอียดถึงจุดทศนิยม ไม่แน่ว่าการแตกหักยังมากกว่าเกณฑ์ที่อาจารย์บอกก็ได้ ใช่ไหม"
"ครับ"
"งั้นเราไปดูที่กะพ้อกัน เห็นไหม มันน้อยลงก็จริง แต่ยังเยอะอยู่ เนื่องจากข้าวจากสายพาน มันมาเป็นระยะๆ ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ลูกกะพ้อรับไม่หมด ลูกถัดไปต้องไปตักจากตีนกะพ้อ แล้วอีกอย่างข้าวไหลแรงเกินไป กะฉอกหมด"
...ข้าพเจ้าหาวัสดุแถวนั้นไปรองรับข้าว ปรับให้ไหลช้าลง และสม่ำเสมอขึ้น แล้วให้ดูที่พูเลย์ที่บดข้าว
"เป็นไง"
"น้อยลงเยอะครับ ไม่ค่อยมีแล้ว"
"โอเค ได้แนวทางแล้วนะ ต่อไปมีเวลาก็ทำให้แน่นหนา ถาวรละ"
"ครับ"
นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังพบว่ารางข้าวจากเครื่องขัดขาวมาลงกะพ้อชัน ข้าวไหลแรง จนรู้สึกเจ็บมือ เลยต้องให้หาวัสดุนุ่มๆ มารองรับการกระแทก รางข้าวที่ยาว ชัน ข้าวไหลแรงกระแทกเหล็ก ซึ่งมีโอกาสทำให้การแตกหักเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
 |
ข้าวไหลแรง กระแทกเหล็ก ทำให้แตกหักเพิ่มขึ้น |
อีกจุดหนึ่งที่โรงสีส่วนใหญ่ละเลยคือ ฮอปเปอร์ของเครื่องยิงสี บางเครื่องไม่มีแผ่นบุรองรับ บางเครื่องมี แต่ชำรุดแล้ว ข้าวชนเหล็กเหมือนเดิม ผลคือ ได้เต้ยแถมมาหลังผ่านเครื่องยิงสี ถ้าอย่างนี้ต้องตรวจสอบแล้วนะ และควรทำเป็นประจำ กำหนดเวลาตรวจสอบทุกกี่เดือนก็ว่าไปตามเหมาะสมนะครับ
ไว้เจอกันคราวหน้าจะหาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยมาฝากอีก ลาละ บ้าย บาย...